ข้อควรรู้ก่อนเป็นผู้ค้ำประกันใคร
- อ่านสัญญาทุกครั้งก่อนเซ็นค้ำประกัน
- ห้ามเซ็นสัญญาที่เขียนว่า “ให้ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับลูกหนี้”
- อย่าเกรงใจเซ็นค้ำประกันให้ใครง่ายๆ
- ดูให้แน่ใจว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินหรือเงินชำระหนี้ได้
- อ่านสัญญาทุกครั้งก่อนเซ็นค้ำประกัน
- การค้ำประกันต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน
- เขียนจำนวนเงินหรือความรับผิดในสัญญาได้
- รับผิดชอบตามที่ตกลงในสัญญาเท่านั้น
- ให้รับผิดแทนลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้หนีหนี้แล้วเท่านั้น
ทำยังไง? เมื่อเจ้าหนี้เรียกร้องให้ผู้ค้ำประกันจ่ายหนี้แทน
- ไม่ต้องจ่ายหนี้แทนทันที เกี่ยงให้เจ้าหนี้…ไปเรียกร้อง จากลูกหนี้ให้ถึงที่สุดก่อน
- ดูทรัพย์สินของลูกหนี้ว่าไม่มีอะไรใช้หนี้ได้
- ให้เจ้าหนี้นำหลักประกันที่ยึดไว้ใช้หนี้ก่อนได้
*หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้ต้องทำหนังสือแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบ ภายใน 60 วัน หากไม่แจ้งจะเสียสิทธิในการทวงดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน ค่าทวงถามหนี้จากผู้ค้ำประกัน
ผู้ค้ำประกันยุคใหม่ค้ำยังไงไม่ให้ทนทุกข์
- ลูกหนี้ ต้องการกู้ยืมเงิน แต่เจ้าหนี้ไม่ให้เพราะไม่มีหลักประกัน ลูกหนี้จึงต้องหาผู้ค้ำประกัน
- ผู้ค้ำประกัน ควรขอดูรายการทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อนเซ็นสัญญาค้ำประกัน
- เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทน
- ผู้ค้ำประกัน รับผิดชอบตามที่ระบุไว้เท่านั้น
ผู้ค้ำประกันมีสิทธิเกี่ยง คือ การบ่ายเบี่ยงให้ไปบังคับหนี้ที่ค้างชำระ เอากับลูกหนี้ก่อน
3 เหตุผลที่ผู้ค้ำประกันจะใช้สิทธิ “เกี่ยง” ไม่ต้องชำระหนี้แทนลูกหนี้ทันทีได้
หลังชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว
- มีสิทธิเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ได้
- เงินต้น (2) ดอกเบี้ย (3) ค่าเสียหายค่าธรรมเนียม
- มีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินของลูกหนี้แทนเจ้าหนี้
เช่น สิทธิจำนำ, หลักประกันสัญญา
ที่มา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 -692