“มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน”
การเก็บเงิน เก็บหอมรอมริบ เพื่อที่จะซื้อของให้ตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราใช้แต่ “เหรียญ 1 บาท” ซื้อของจะทำได้มั๊ย ?
ตามกฎหมายได้กำหนดให้เหรียญ 1 บาทใช้ชำระหนี้ได้ในจำนวนคราวละไม่เกิน 500 บาท ถ้าจะซื้อของที่มีราคามากกว่า 500 บาท ไม่สามารถใช้เหรียญบาทอย่างเดียวไปซื้อได้
โดยตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ได้กำหนดเรื่องการชำระหนี้ด้วย “เหรียญกษาปณ์” ว่าเหรียญแต่ละเหรียญสามารถใช้เหรียญชำระหนี้ได้คราวละไม่เกินเท่าไร? ดังนี้
– เหรียญ 25 หรือ 50 สตางค์ ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 10 บาท
– เหรียญ 1 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 500 บาท
– เหรียญ 2 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 500 บาท
– เหรียญ 5 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 500 บาท
– เหรียญ 10 บาท ชำระหนี้ได้คราวละไม่เกิน 1,000 บาท
จุดประสงค์ของการกำหนดจำนวนเหรียญที่ใช้ชำระแต่ละครั้งตามข้างต้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งหากมีการใช้เหรียญชำระหนี้ต่างๆ ในจำนวนที่เกินจากที่กฎหมายกำหนด ผู้รับมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ โดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย ในกรณีที่ออมเงินไว้เป็นเงินเหรียญจำนวนมาก สามารถ “ฝากเงิน” ที่ธนาคารต่างๆ ก่อนถอนออกมาชำระหนี้ หรือชำระหนี้กับธนาคารได้โดยตรง โดยอาจมีค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละธนาคาร นอกการฝากเงินด้วยเหรียญ หรือชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ธนาคารแล้ว ยังมีช่องทางของ “กรมธนารักษ์” หรือโทรศัพท์ติดต่อ :
02-834-8300 โดยในกรณีที่มีเหรียญจำนวนมาก สามารถติดต่อขอแลกเหรียญได้ที่ สำนักบริหารเงินตรากรมธนารักษ์
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือพบธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธรับฝากเหรียญ สามารถสอบถามรายละเอียดและร้องเรียนได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทรหมายเลข 1213
เสียงกฎหมาย ตอนที่ 165 เหรียญหนึ่ง บาทซื้อโทรศัพท์มือถือไม่ได้
อ้างอิง : พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 (มาตรา 11)