
กฎหมายน่ารู้ 62 : หย่า…เลือกเอง โปรดอย่ามองฉันผิด ขอใช้สิทธิรักษาหัวใจ
ปัญหาสามีภรรยาทะเลาะกันอาจฟังดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่หากจัดการได้ ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่จะมั่นคง แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ดังนั้น วิธีที่จะประคองชีวิตคู่ของคุณไม่ให้จบลงด้วยการหย่าร้างหรือแยกทาง ควรเริ่มจากคุณทั้งคู่เองก่อน คุณควรตกลงกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เคลียร์ปัญหาที่ขัดแย้งกันจากสาเหตุของปัญหาเหล่านั้น
แน่นอนว่าหากความขัดแย้งอาจจะต้องจบด้วยการหย่าร้างแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหรือด้วยเหตุอื่นๆ ดังนั้น ถ้าหากตกลงด้วยการพูดคุยไม่ได้ ก็ลองมาดูทางออกเรื่องการหย่าในทางกฎหมายกันบ้าง โดยคู่สมรสฟ้องหย่าได้ที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวตามภูมิลำเนาที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือที่เกิดเหตุแห่งการหย่าการหย่าตามกฎหมาย ทำได้ 2 แบบ
- การหย่าโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อและมีพยาน โดยนำหนังสือหย่าไปจดทะเบียนหย่า ที่สำนักทะเบียน สำนักงานเขต/อำเภอ พร้อมพยาน เพราะกฎหมายกำหนดว่าเมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย การหย่า โดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่ากันแล้ว (ปพพ. มาตรา 1515)
- การฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้หย่า ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ เราก็ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือ โดยสามารถติดต่อทนายความหรือปรึกษากฎหมาย ฟรี!! สายด่วนยุติธรรม 1111 กด 77 เพื่อขอคำแนะนำ
สาเหตุที่นำมาฟ้องหย่าได้!
1.อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นแบบภริยาหรือสามี
2.มีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นประจำ
3.ประพฤติชั่ว เป็นความผิดอาญา หรือเป็นเหตุอื่นที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง
- อับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
- ถูกดูถูก เกลียดชัง
- เสียหายหรือเดือนร้อนเกินสมควร
4.ทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างร้ายแรง
5.จงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี
6.ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และถูกจำคุกเกิน 1 ปี ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มีส่วนทำความผิด หรือยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจ และเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย หรือเดือดร้อนเกินสมควร
7.สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเกิน 3 ปี
8.ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เกิน 3 ปี ไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
9.ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง และทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เดือดร้อนเกินสมควร
10.วิกลจริตเกิน 3 ปี และยากจะหายได้ ทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้
11.ผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันแบบสามีหรือภริยา
12.เป็นโรคติดต่อร้ายแรง และโรคเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้
13.มีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยาไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล
(สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด “แสดงเจตนาให้อภัย”)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังหย่า
สิทธิดูแลลูก ค่าเสียหายที่ได้รับ แบ่งทรัพย์สินและใช้หนี้
1. ศาลจะให้เจรจาตกลงกัน
2. ศาลชี้ขาดว่าใครมีอำนาจปกครอง
(ถ้าตกลงไม่ได้)
วิธีการ
(1) ศาลสอบถามข้อมูล
- เด็ก (ถ้าพูดได้)
- พ่อแม่ให้การกับนักจิตวิทยา
- นักสังคมสงเคราะห์
- พยานคนกลางยืนยันว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกลักษณะไหน เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย คนที่อยู่กับเด็กเป็นประจำ
(2) ศาลพิจารณา
“ยึดประโยชน์และความสุขของเด็กเป็นหลัก”
ผู้มีอำนาจปกครอง
- พ่อ(สามี)
- แม่(ภริยา)
- บุคคลภายนอก
เรียกค่าทดแทน
– หย่าตามเหตุ 1. 2. ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจาก…
1. สามีหรือภริยาของตน
2. ผู้อื่นที่ได้รับอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือเป็นชู้ หรือร่วมประเวณี
– หย่าตามเหตุ 4. 5. 6. 7. 8. 9. มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจาก…สามีหรือภริยาที่ทำผิดหรือเป็นเหตุให้ฟ้องหย่า
เรียกค่าเลี้ยงชีพ
– ฝ่ายที่ฟ้องหย่า ตามเหตุ 10. 12. จ่ายให้คู่สมรสที่วิกลจริตหรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
– ฝ่ายที่ฟ้องหย่า ตามเหตุ 1 – 10 จ่ายให้คู่สมรสที่ยากจนลง หรือไม่มีรายได้จากทรัพย์สิน/งานที่ทำอยู่ระหว่างสมรส เพราะการหย่า (ฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพจะหมดไป)
แบ่ง “สินสมรส” ที่ได้มาระหว่างสมรสเท่าๆ กัน
แบ่ง “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสเท่าๆ กัน
ที่มา : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501-1535