ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง โดยเฉพาะการหลอกขายสินค้าที่มีความผิดตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา, ความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภคจำนวนมาก
รูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อย
- การหลอกขายสินค้า
- ขายของปลอมหรือของที่ไม่ตรงตามที่โฆษณา
- หลอกลวงเรื่องแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณสินค้า
- มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- โฆษณาเกินจริง
- ใช้ข้อความเท็จหรือเกินความเป็นจริง
- หลอกลวงเกี่ยวกับคุณภาพสินค้าและบริการ
- โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท
- ฉ้อโกง และขายสินค้าปลอม
- หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความเท็จ
- ขายสินค้าที่ปลอมแปลงหรือไม่มีฉลากที่ถูกต้อง
- มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-100,000 บาท
สิทธิของผู้บริโภคที่ควรรู้
- การแจ้งความ/ร้องเรียน
- ผู้เสียหายสามารถแจ้งความหรือร้องเรียนได้ภายใน 3 เดือน
- สามารถใช้สิทธิเรียกร้องได้ภายใน 3 ปี
- การฟ้องคดี
- มีอายุความในการดำเนินคดี 10 ปี
- ต้องมีหลักฐานการซื้อขายและความเสียหายที่เกิดขึ้น
คำแนะนำในการป้องกัน
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขายก่อนซื้อสินค้า
- เก็บหลักฐานการซื้อขายและการโอนเงินทุกครั้ง
- ระมัดระวังโฆษณาที่เกินจริงหรือราคาที่ถูกผิดปกติ
- หากพบการหลอกลวง ให้รีบแจ้งความดำเนินคดีโดยเร็ว
การรู้เท่าทันและเข้าใจสิทธิของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการถูกหลอกลวง หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันสร้างสังคมการค้าที่ปลอดภัยและเป็นธรรม
อ้างอิง
- ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271, 341, 343
- พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
- พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 22, 47, 52