ค้นหา

กฎหมายเมาแล้วขับฉบับใหม่: เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

การขับขี่ขณะมึนเมาเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมากในแต่ละปี เพื่อยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน ประเทศไทยได้ออกกฎหมายเมาแล้วขับฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายน 2567 มาทำความรู้จักกับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้กัน

ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ผิดกฎหมาย

กฎหมายใหม่ได้กำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ถือว่าผิดกฎหมายไว้ดังนี้:

  1. เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับ:
    • ผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี
    • ผู้มีใบขับขี่ชั่วคราว
    • ผู้ไม่มีใบขับขี่
    • ผู้อยู่ระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
  2. เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับบุคคลทั่วไป

บทลงโทษที่รุนแรงขึ้น

กฎหมายฉบับนี้มีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นเพื่อป้องปรามการกระทำผิด:

  • ครั้งแรก: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000-100,000 บาท

นอกจากนี้ ผู้กระทำผิดยังอาจถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่อีกด้วย

การปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์

หากผู้ขับขี่ปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยไม่มีเหตุผลอันควร กฎหมายจะสันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเมาแล้วขับ ซึ่งมีโทษเช่นเดียวกับการเมาแล้วขับ

ความรับผิดชอบทางประกันภัย

  • ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.): ยังคงคุ้มครองแม้ผู้ขับขี่จะเมาแล้วขับ
  • ประกันภัยภาคสมัครใจ: ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการเมาแล้วขับ

การบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับฉบับใหม่นี้ มีเป้าหมายเพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสียบนท้องถนน อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยเริ่มต้นที่ตัวเราเอง หากดื่มแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่นบนท้องถนน

บทลงโทษเมาแล้วขับจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ

เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย : จำคุก 1 – 5 ปี และปรับ 20,000 – 100,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส : จำคุก 2 – 6 ปี และปรับ 40,000 – 120,000 บาท และพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย : จำคุก 3 – 10 ปี และปรับ 60,000 – 200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

อ้างอิง

  1. พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43(2), ม.142(2) ว.2-ว.5, ม.154(3), ม.160ตรี ,ม.160 ตรี/1
  2. กฎกระทรวงการทดสอบกฎกระทรวงการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่ พ.ศ. 2567 (บังคับใช้ 20 กันยายน2567)
  3. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535