ค้นหา

การหย่าตามกฎหมายต้องทำอย่างไร

ปัญหาสามีภรรยาทะเลาะกัน หากจัดการปัญหาความขัดแข้งต่างๆ ได้ จะเป็นเรื่องที่ดีและไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง ดังนั้น วิธีที่จะประคองชีวิตคู่ของคุณไม่ให้จบลงด้วยการหย่าร้างหรือแยกทาง ควรตกลงกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เคลียร์ปัญหาที่ขัดแย้งกันจากสาเหตุของปัญหาเหล่านั้นให้จบโดยดี หากความขัดแย้งอาจจะต้องจบด้วยการหย่าร้าง แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหรือด้วยเหตุอื่นๆ ดังนั้น ถ้าหากตกลงด้วยการพูดคุยไม่ได้ ก็ลองมาดูทางออกเรื่องการหย่าในทางกฎหมายกันบ้าง โดยคู่สมรสฟ้องหย่าได้ที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวตามภูมิลำเนาที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน หรือที่เกิดเหตุแห่งการหย่า

การหย่าตามกฎหมาย ทำได้ 2 แบบ คือ

  1. การหย่าโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อและมีพยาน โดยนำหนังสือหย่าไปจดทะเบียนหย่า ที่สำนักทะเบียน สำนักงานเขต/อำเภอ พร้อมพยาน เพราะกฎหมายกำหนดว่าเมื่อได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย การหย่า โดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อสามีและภริยาได้จดทะเบียนการหย่ากันแล้ว (ปพพ. มาตรา 1515)
  2. การฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้หย่า ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ เราก็ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้ ติดต่อปรึกษากฎหมายสายด่วนยุติธรรม 1111 กด 77 เพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้นได้ฟรี

สาเหตุที่นำมาฟ้องหย่าได้

  1. อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นแบบภริยาหรือสามี 
  2. มีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นประจำ 
  3. ประพฤติชั่วเป็นความผิดอาญาหรือเป็นเหตุอื่นที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง (1) อับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงถูก(2) ดูถูก เกลียดชัง (3) เสียหายหรือเดือนร้อนเกินสมควร 
  4. ทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างร้ายแรง 
  5. จงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี 
  6. ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และถูกจำคุกเกิน 1 ปี ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้มีส่วนทำความผิด หรือยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจ และเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย หรือเดือดร้อนเกินสมควร 
  7. สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเกิน 3 ปี
  8. ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เกิน 3 ปี ไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร 
  9. ไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง และทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เดือดร้อนเกินสมควร 
  10. วิกลจริตเกิน 3 ปี และยากจะหายได้ ทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ 
  11. ผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันแบบสามีหรือภริยา 
  12. เป็นโรคติดต่อร้ายแรง และโรคเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ 
  13. มีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยาไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล
  • สิทธิฟ้องหย่าระงับเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแสดงเจตนาให้อภัย

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังหย่า

สิทธิดูแลลูก ค่าเสียหายที่ได้รับ แบ่งทรัพย์สินและใช้หนี้

  1. ศาลจะให้เจรจาตกลงกัน
  2. ศาลชี้ขาดว่าใครมีอำนาจปกครอง (ถ้าตกลงไม่ได้)

วิธีการ
(1) ศาลสอบถามข้อมูล

  • เด็ก (ถ้าพูดได้)
  • พ่อแม่ให้การกับนักจิตวิทยา        
  • นักสังคมสงเคราะห์
  • พยานคนกลางยืนยันว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกลักษณะไหน เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย คนที่อยู่กับเด็กเป็นประจำ

 (2) ศาลพิจารณา  “ยึดประโยชน์และความสุขของเด็กเป็นหลัก” ผู้มีอำนาจปกครอง

  • พ่อ (สามี)
  • แม่ (ภริยา)
  • บุคคลภายนอก

ในกรณีเรียกค่าทดแทนหากหย่าตามสาเหตุ ข้อ 1 และ ข้อ 2 ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจาก
1. สามีหรือภริยาของตน
2. ผู้อื่นที่ได้รับอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือเป็นชู้ หรือร่วมประเวณี

ในกรณีหย่าตามสาเหตุ ข้อ 4 – ข้อ 9 มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาที่ทำผิดหรือเป็นเหตุให้ฟ้องหย่า

การเรียกค่าเลี้ยงชีพ 

  • ฝ่ายที่ฟ้องหย่า ตามสาเหตุ ข้อ 10 และข้อ 12 จ่ายให้คู่สมรสที่วิกลจริตหรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
  • ฝ่ายที่ฟ้องหย่า ตามสาเหตุ ข้อ 1 ถึง ข้อ10 จ่ายให้คู่สมรสที่ยากจนลง หรือไม่มีรายได้จากทรัพย์สิน/งานที่ทำอยู่ระหว่างสมรส เพราะการหย่า (ฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพจะหมดไป)

แบ่ง “สินสมรส” ที่ได้มาระหว่างสมรสเท่าๆ กัน

แบ่ง “หนี้สิน” ที่เกิดขึ้นในระหว่างสมรสเท่าๆ กัน

ที่มา : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501-1535