ค้นหา

How to ใช้บัตรเครดิตอย่างไร? ให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

ในยุค New Normal ทำให้การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต และ Mobile Banking ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ Stay at home บวกกับโปรโมชั่น สิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้จ่ายซื้อสินค้าราคาสูง ซึ่งต้องแลกด้วยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพยุคใหม่มีพัฒนาการในการโจรกรรมข้อมูลของเราไปใช้เพื่อหาผลประโยชน์ นำมาซึ่งความเดือดร้อน

ตัวอย่างวิธีที่มิจฉาชีพมักนิยมใช้ในสร้างความเดือดร้อนให้กับเรามีดังนี้

  • ปลอมเอกสารสำคัญของเรา แล้วนำไปใช้ในการสมัครบัตรเครดิต เพื่อหลอกลวงให้สถาบันการเงินออกบัตรให้ในนามของเรา
  • ใช้อุปกรณ์อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็ก (เครื่อง Skimmer) คัดลอกข้อมูลของเราแล้วทำบัตรเครดิตปลอมไปใช้งาน
  • ขโมยบัตรเครดิตจากเราแล้วนำไปใช้งาน หรือนำบัตรเครดิตที่เราทำสูญหายไปใช้งาน
  • สร้างเว็บไซต์เพื่อมาหลอกลวงเอาหมายเลขบัตรเครดิตของเราแล้วนำไปใช้งาน

*** ข้อมูลสำคัญส่วนตัวของเราที่ควรระวังไม่ให้มิจฉาชีพรู้ ได้แก่ ชื่อผู้ถือบัตร ประเภทของบัตร สถาบันการเงินผู้ออกบัตร หมายเลขบัตร เดือน/ปีที่ออกบัตร และเดือน/ปีที่หมดอายุ รวมไปถึงรหัสปลอดภัยเลข 3 – 4 หลักที่ปรากฏอยู่ด้านหลังบัตรเครดิต

(ข้อมูลจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย)

ข้อควรทำในการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

1. เก็บรักษาบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนบุคคลของเราให้ดีที่สุด

เป็นข้อควรทำที่ง่ายมากๆ โดยเราควรหาที่จัดเก็บบัตรเครดิตของเราไว้ให้ปลอดภัย และไม่ลืมที่จะตรวจเช็กอยู่เรื่อยๆ ว่าบัตรเครดิตยังอยู่กับเราหรือไม่ หากว่าบัตรเครดิตของเราหายไปให้เรารีบโทรแจ้งทางสถาบันการเงินเจ้าของบัตรให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำการอายัดบัตรเครดิตให้กับเรา และอย่าบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตลงในระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่ของคุณ

2. ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเมื่อต้องใช้บัตรเครดิตรูดชำระค่าสินค้า

ควรจะใส่ใจคอยติดตามดูขณะที่พ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานของร้าน นำบัตรของเราไปรูดชำระค่าสินค้าว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากพบเห็นว่ามีอาการผิดปกติให้รีบทักท้วงทันที หรือใช้วิธีแสกนคิวอาร์โค้ดจ่ายจะดีที่สุด

3. เช็กสลิปก่อนการเซ็นชื่อทุกครั้ง

ก่อนเซ็นชื่อในสลิปทุกครั้ง เราก็ควรที่จะตรวจสอบรายละเอียดของตัวเลขจำนวนเงินว่าตรงกับที่เราต้องการจ่ายหรือไม่ หากมีจำนวนเงินที่ผิดออกไปให้รีบสอบถามทางพ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานของร้านทันที และเราก็ควรจะเก็บสลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่อไว้ใช้ตรวจสอบในภายหลังว่าตรงกับยอดค่าใช้จ่ายในใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิตประจำเดือนหรือไม่ หากไม่ตรงกันก็ให้เรารีบติดต่อทางสถาบันการเงินเจ้าของบัตรให้เร็วที่สุดเพื่อหาทางแก้ไข

4. ไม่ควรบอกหมายเลขหน้าและหลังบัตรเครดิตของเราให้แก่บุคคลอื่น

ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม เพราะวิธีที่มิจฉาชีพจะทำให้เราเดือดร้อนได้นั้น ก็มักจะเริ่มมาจากการที่รู้หมายเลขบัตรเครดิตของเราตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นนั่นเอง ดังนั้นห้ามให้ข้อมูลบัตรเครดิตแก่บุคคลอื่นอย่างเด็ดขาดเลย

5. จะให้ใครใช้บัตรเราก็ควรดูให้ดีก่อนเสมอ

เพราะหากว่าบัตรเราถูกรูดใช้จ่ายไปแล้ว ก็จะต้องมีการชำระคืนควบคู่มาเสมอ ดังนั้นหากว่ามีคนในครอบครัวนำบัตรเครดิตของเราไปใช้ เราก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบยอดการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะตามหลักแล้วเจ้าของบัตรจะตกเป็นลูกหนี้เสมอ ไม่ใช่คนในครอบครัวที่นำไปใช้งาน เช่นนั้นแล้วเราควรเก็บบัตรให้ดีและหากจะให้คนในครอบครัวใช้บัตรเครดิตของเรา เราก็ควรที่จะรับรู้เสมอเพื่อที่จะได้รับรู้ยอดใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและวางแผนจัดการกับยอดใช้จ่ายนี้ได้

ที่สำคัญอย่าประมาทและคอยหมั่นตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายอยู่เสมอ เพื่อทบทวนยอดที่ถูกต้อง หากมียอดที่ไม่แน่ใจให้รีบเช็คกับธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย เพียงเท่านี้บัตรเครดิตของเราก็ปลอดภัยจากมิจฉาชีพแล้วค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก MoneyGuru.co.th / sanook.com